0 รายการ 0 บาท
สมัครสมาชิกฟรี ล็อกอินใช้งาน นโยบาบเวบไซต์  
 
 
  หน้าหลัก     เกี่ยวกับไร่พอใจ     สินค้าจากไร่พอใจ     เรื่องราวที่ไร่พอใจ     ติดต่อไร่พอใจ
ค้นหาเรื่องราว :
 
สมัครอีเมล์รับข่าวสารต่างๆ จากไร่พอใจ
 
 
 
 
พอเพียง ไม่ใช่อัตคัดขัดสน เป็นการพออยู่พอกิน เหลือแจกจ่ายขาย แล้วจึงขยายเพิ่มได้
 
 
     
 
     
 
แมลงปอ ตัวห้ำนักล่ากลางเวหา
สัตว์ที่ดุร้ายในโลกของแมลง
แมลงดีในนาข้าว ที่ไร่พอใจ
เรื่องและเรียบเรียงโดย ตุ๊แสนฤทธิ์
 
 
 
แมลงปอเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เกิดขึ้นมาบนโลกก่อนหน้าไดโนเสาร์ และก่อนยุคของผีเสื้อ ฟอสซิลของแมลงปอที่เก่าแก่ที่ขุดพบนั้น แสดงว่ามันเคยอาศัยอยู่ในยุคเมื่อประมาณ 300 ล้านกว่าปีมาแล้ว หรือยุคคาร์บอนนิเฟอรัส (Carboniferous) โดยมีสัตว์เพียง 2 จำพวกที่หลุดรอดชีวิตและวิวัฒนาการผ่านมาได้จนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือแมลงสาบอีกจำพวกหนึ่ง ที่สำคัญแมลงปอไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างเลย ซากฟอสซิลเมื่อกว่า 300 ล้านปีของแมลงปอ ยังคงเหมือนแมลงปอในปัจจุบัน เพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า โดยวัดขนาดความยาวของปีกทั้งสองข้างรวมกัน ยาวประมาณ 29 นิ้ว เป็นแมลงที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาแมลงของยุคนั้นทั้งหมดที่มนุษย์รู้จัก ถึงแม้ในปัจจุบันจะพบเห็นแมลงปอที่มีขนาดใหญ่ที่หลงเหลืออยู่ มีความยาวของปีกทั้งสองข้างเพียง 7.5 นิ้ว เท่านั้น แสดงว่ารูปร่างของแมลงปอนั้นสุดยอดเพอร์เฟคอยู่แล้ว จึงไม่ต้องวิวัฒนาการหรือเปลี่ยนแปลงเลย
 
 
แมลงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนมากที่สุดของบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายซึ่งอยู่บนโลกนี้ นักกีฏวิทยาได้ศึกษาและตั้งชื่อให้แมลงไปแล้วเกือบล้านชนิด แต่ก็ยังมีแมลงเหลืออีกมากกว่า 2 ใน 3 ที่มนุษย์ยังไม่ได้เริ่มศึกษาและเป็นที่รู้จัก ในจำนวนแมลงทั้งหลาย แมลงปอนับว่าเป็นแมลงที่มีขนาดใหญ่ และมีสีสันสวยงามชนิดหนึ่ง เป็นแมลงที่มนุษย์คุ้นเคยและอยู่ใกล้ตัว แต่กลับรู้จักวงจรชิวิตจริงของมันน้อยมาก
 
 
 
 
สัญชาตญาณนักล่า เพชรฆาตปีกสีรุ้ง นักฆ่าแห่งเวหา
 
ในบรรดาแมลงด้วยกันแมลงปอเป็นสัตว์นักล่า ที่มีนิสัยการล่าเหยือที่ดุร้าย ยิ่งกว่าเสือและสิงห์โต แม้ยามเป็นตัวอ่อนไม่เต็มวัยก็สามารถล่าได้แล้ว เพียงแต่แมลงปอดุร้ายในโลกของแมลงที่มีขนาดเล็กกว่า มีกรรมพันธุ์ตามธรรมชาติที่จะเป็นตัวห้ำตลอดชีวิต กินอาหารง่ายไม่เลือกเหยื่อ มันกินแมลงแทบทุกชนิด ทุกตัวที่ตัวใหญ่และอ่อนแอกว่า แม้แต่แมลงปอด้วยกันเองก็ล้วนตกเป็นเหยื่อได้ทั้งสิ้น แมลงปอเป็นสัตว์ที่บินได้เร็วมากถึง 50-60 ก.ม. ต่อชั่วโมง เมื่อเทียบกับขนาดของลำตัวที่มีความยาวไม่กี่เซนติเมตร หรือเท่ากับ 20,000 - 30,000 ช่วงตัว ในเวลาเพียง 1 นาที สามารถบินได้ไกลถึง 100 ก.ม. มีการขยับปีกขึ้น - ลง ได้อย่างรวดเร็ว เฉลี่ยประมาณ 500 กว่าครั้งต่อวินาที มีปีกคู่หน้าและคู่หลังแยกอิสระต่อกัน สามารถบินไปข้างหน้า บินถอยหลังได้อย่างง่ายดาย มันสามารถกระพือปีกและบินร่อนอยู่กลางอากาศได้เป็นเวลานาน โดยอาศัยกล้ามเนื่อที่แข็งแรงมากที่ใต้ปีก 2 มัด การเข้าจู่โจมเหยื่อที่เป็นอาหารจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเงียบเชียบ แมลงปอมีดวงตาที่กลมโต สามารถมองเห็นได้ถึง 360 องศา มีตาที่มองเห็นได้ไวและคมซึ่งธรรมชาติได้สร้างสรรค์ให้สำหรับนักล่า สามารถมองเห็น(ขณะบิน)ได้ไกล 10-20 เมตร เชื่อกันว่าตาของแมลงปอนั้นเป็นดวงตาที่ดีที่สุดในบรรดาแมลงทุกชนิด ขาทั้งหกที่สามารถจับเหยื่อได้อย่างแน่นหนา และมีประสิทธิภาพ มีเขี้ยวค่อนข้างแข็งแรงและแหลมคม มันชอบไล่จับเหยื่อที่มีชีวิตมากกว่าเหยื่อที่ตายแล้ว มีคนเคยเปรียบเปรยไว้ว่า แมลงปอเป็นสัตว์ที่เหมือนกับการร่วมเอาเครื่องบินกับเฮลิคอปเตอร์มารวมไว้ด้วยกัน มันจึงได้รับฉายาว่า "เพชรฆาตปีกสีรุ้ง นักล่าแห่งเวหา "
 
 
ขอขอบคุณรูปภาพจากเวบไซต์ www.krungshing.com โดย TeeraPOL
 
 
ลักษณะของ แมลงปอ
 
นักกีฏวิทยาได้ทำการศึกษาและค้นพบว่าบนโลกนี้มีแมลงปออยู่มากกว่า 5,000 ชนิด ( species ) จัดอยู่ประมาณ 500 สกุล ( genus ) ส่วนในประเทศไทยมีการค้นพบแมลงปอมากกว่า 295 ชนิด แบ่งออกเป็น 9 สกุล ศาสตราจารย์ G. H. Carpenter แห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ได้แบ่งแมลงปอออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ( suborder ) เกณฑ์ที่ใช้แบ่งดูจากลักษณะของเส้นปีก ( vein ) รูปร่างของปีก และลักษณะการวางของปีกขณะที่มันเกาะนิ่งอยู่กับที่ ลักษณะโดยทั่วไปของแมลงปอทั้ง 2 กลุ่มคือ
 
กลุ่มแรกแมลงปอบ้าน ( dragonfly , suborder Anisoptera ) มีลักษณะตัวใหญ่ ส่วนมากมีสีเข้ม หัวโต ตากว้างแต่ไม่โปน ปีกคู่หลังใหญ่กว่าปีกคู่หน้า เวลาเกาะนิ่งอยู่กับที่ปีกทั้ง 4 จะกางออกในแนวราบ แมลงปอกลุ่มนี้แข็งแรงมาก บินได้เร็ว พบเห็นทั่วๆไปแม้แต่ในถิ่นที่ห่างไกลจากแหล่งกำเนิดของมัน
 
 
 
 
กลุ่มที่ 2 คือแมลงปอเข็ม ( damselfly , suborder Zygoptera ) แมลงปอกลุ่มนี้มีขนาดเล็กกว่ากลุ่มแรก ตาโปน ปีกคู่หลังกับคู่หน้ามีขนาดเท่าๆ กัน เวลาเกาะนิ่งอยู่กับที่ปีกจะหุบขนานกับลำตัว อ่อนแอและบินช้า ส่วนใหญ่จะบินอยู่ใกล้ๆ กับผิวน้ำ และบินต่ำๆ อยู่เหนือพื้นดิน หรือเกาะอยู่ตามพุ่มไม้ใบหญ้า
 
ลักษณะโดยทั่วไปของแมลงปอทั้งสองกลุ่ม คือ มีลำตัวยาวเรียว ( slender - shape ) ปีกสองข้างบางใสมีเส้นปีกที่สานกันถี่ละเอียดเป็นโครงคล้ายร่างแห หัวใหญ่ มีตารวม ( compound eyes ) ทำให้สามารถมองเห็นได้รอบตัว หนวดสั้นเล็กเหมือนเส้นขน ยาวประมาณ 5 - 8 ปล้อง โคนหนวดปล้องแรกจะใหญ่หนาและค่อยๆ เรียวไปจนถึงปล้องสุดท้าย ปากเป็นแบบกัดกิน ( chewing type ) ขากรรไกรแข็งแรง ส่วนอกมี 3 ปล้อง
 
 
 
 
จุดที่ใช้สังเกตุเพศของแมลงปอ คือส่วนหางของแมลงปอที่เรียกว่า "รยางค์" โดยแมลงปอตัวผู้จะมีลักษณะของรยางค์ที่ชิดติดกัน จนดูเหมือนเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งมีประโยชน์เพื่อเอาไว้หนีบที่หัวของตัวเมียเมื่อมีการผสมพันธุ์ เรียกได้ว่าห้ามไม่ให้สาวเจ้าเปลี่ยนใจกันเลยทีเดียว ส่วนตัวเมียจะมีลักษณะของรยางค์ที่ห่างกว่า รยางค์นี้จะพบเพียงหนึ่งคู่ด้านบนในแมลงปอบ้าน (dragonfly) และพบสองคู่ (ด้านบนและด้านล่าง) ในแมลงปอเข็ม (damselfly)
 
 
 
 
ความลับวงจรชีวิตที่แสนจะเหลือเชื่อ ของแมลงปอ
 
แมลงปอจะมีวงจรชีวิตแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ระยะการเป็นไข่ เป็นตัวโม่ง และระยะโตเต็มวัยที่จะกลายเป็นแมลงปออย่างสมบูรณ์ ไม่มีระยะดักแด้ แมลงปอที่ลอกคราบขึ้นมาจากน้ำได้เพียง 2-3 วัน ก็พร้อมที่จะผสมพันธุ์ได้แล้ว การผสมพันธุ์และการวางไข่มักเกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่มีแสงแดด โดยจะเริ่มตั้งแต่ยามสายถึงยามเย็น
 
โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ แมลงปอตัวผู้จะมีช่องเปิดของน้ำเชื้อ ที่ปลายหาง แต่มันจะเอา ถุงน้ำเชื้อมาเก็บไว้ ที่อวัยะเก็บน้ำเชื้อซึ่งอยู่บริเวณหน้าอก จนเมื่อมันเจอกับตัวเมีย มันจะใช้ขาคว้าตัวเมียเอาไว้ แล้วค่อยๆ เกาะหลังตัวเมียไว้จนแน่น จากนั้นทั้งคู่ก็จะบิน เกาะกันไปกลางอากาศในท่าเดิม(tandem position) สักพักตัวเมียจะ เอาช่องเพศของตัวเองขึ้น ไปแตะที่อวัยวะเก็บน้ำเชื้อของตัวผู้ (wheel position) จากนั้น ทั้งคู่ก็อาจจะแยกกัน หรือพากันบินไปในท่าที่ ยังเกาะกันอยู่ ก่อนที่ตัวเมียจะวางไข่ ซึ่งจะเลือกวางด้วยการดำน้ำ หรือใช้ช่วงท้องแหย่ลงในน้ำ แล้ววางไข่ให้ติดกับพืชน้ำ
 
 
 
 
เมื่อตัวเมียวางไข่แล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ - 1 เดือนไข่ก็จะฝัก เมื่อไข่ฟักเป็นตัวระยะนี้ชาวบ้านจะเรียกว่า "ตัวโม่ง"  แต่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า“ไนแอด”(Naiad) หมายถึง“เทพธิดาแห่งสายน้ำ” แต่นักกีฏวิทยาบางคนเรียกว่า “นิ้ม” (Nymph) หมายถึง “ตัวอ่อนของแมลงที่ไม่มีระยะดักแด้” ลักษณะหน้าตาของมันจะดูหน้าเกลียดเหมือนพวกสัตว์ร้ายต่างดาวในหนัง ซึ่งแตกต่างจากแมลงปอที่โตเต็มวัยที่ดูสวยงาม พวกมันมีปีกขนาดเล็กมาก และฟันล่างขนาดใหญ่ อวัยวะในการจับเหยื่อกินเป็นอาหารมีลักษณะคล้ายช้อนยืดได้จากส่วนของปาก มันจะหดซ่อนอยู่ที่ด้านล่างของปาก ได้อย่างรวดเร็วเพื่อจับเหยื่อที่เคลื่อนที่ผ่านมาใกล้ๆ ตัวโม่งจะอาศัย อยู่ในน้ำ และจับสัตว์น้ำเล็กๆ ได้แก่ ลูกปู ลูกหอย ลูกอ๊อดและลูกปลา รวมทั้งพวกเดียวกันกินเป็นอาหาร ด้วยเหตุนี้ ตัวโม่งจึงจัดว่ามันเป็นสัตว์ ที่ดุร้ายมากเพราะว่ามันกินไม่เลือกเลย
 
ตัวโม่งหายใจในน้ำโดย ใช้เหงือกที่อยู่ในระบบการย่อยอาหารในร่างกายของมัน ที่สามารถสกัดออกซิเจน ออกมาจากน้ำได้ โดยมันจะหายใจด้วยการดูดน้ำเข้าไปในท้อง และหลังจากนั้นน้ำจะเลื่อนไปที่เหงือก ซึ่งเป็นเครื่องหายใจเพื่อสกัดออกซิเจน เมื่อได้รับออกซิเจนเพียงพอแล้ว จะพ่นน้ำออกมาอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น มันยังเป็นระบบการขับเคลื่อน ซึ่งทำงานเหมือนไอพ่น ทำให้ตัวโม่ง สามารถเคลื่อนที่ ไปในน้ำได้อย่างรวดเร็วด้วย
 
 
ตัวอ่อนของแมลงปอ ซึ่งจะอาศัยอยู่ในน้ำนานถึง 1-4 ปี โดยมีการลอกคราบมากถึง 14-15 ครั้ง
 
 

ตัวโม่งจะใช้ชีวิตในน้ำเป็นระยะเวลา 1-4 ปี (ขึ้นอยู่กับพันธ์)โดยระหว่างนั้น พวกมันจะลอกคราบประมาณ 10-15 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้ง ตัวก็จะโตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย จนกระทั่ง เมื่อลอกคราบครั้งสุดท้าย พวกมันก็จะคลาน ขึ้นไปบนกิ่งก้านพืชใกล้ผิวน้ำ แล้วเริ่มหายใจด้วยท่ออากาศ ซึ่งอยู่ภายในร่างกาย หลังจากนั้นคราบจะค่อยๆ ถูกลอกออก เริ่มจากส่วนหัว ท้อง ขา และปีก ตามลำดับ จากนั้นปีกจะค่อยๆ กางออกอย่างช้าๆ เลือดในร่างกาย จะถูกปั้มเข้าไปในปีก โดยใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าปีกจะแข็งแรง และกลายเป็นแมลงปอ ที่พร้อมจะบินและล่าเหยื่อ อย่างพวก ยุง เพลี้ย ริ้น แมลงวัน ผีเสื้อ ผึ้ง รวมทั้งแมลงปอด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่ มันสามารถใช้ชีวิตเป็นแมลงปออย่างสมบูรณ์ ได้เพียงไม่กี่เดือนหรือประมาณ 6-7 สัปดาห์เท่านั้น

 
 
ขอขอบคุณรูปภาพจากเวบไซต์ www.pantip.com โดยสมาชิก BIG KAN
 
 
สีสันอันสวยงาม ของแมลงปอ
 
สีของแมลงปอจะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ โดยแมลงปอที่มีอายุกว่า 1-2 สัปดาห์ ขึ้นไป จะมีสีลำตัวที่ค่อนข้างเข้ม บางชนิดอาจมีสีคนละสีเมื่อมีอายุมากขึ้น เช่น แมลงปอบ้านบ่อตัวผู้ (Crocothemis servilia servilia) จะเปลี่ยนสีจากสีเหลือง เป็นสีส้ม และสีแดงในที่สุด ดูแล้วไม่น่าเชื่อ แต่จากเหตุที่ว่าสีเหลืองเป็นสีที่มีการพัฒนาค่อนข้างเร็ว ต่อจากสีขาวซีดในช่วงแรกๆหลังลอกคราบ ส่วนสีแดงและสีน้ำเงินเป็นสีที่มีการพัฒนาช้าที่สุด
 
สีของแมลงปอบางชนิดเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะที่ลำตัว อก และท้อง จะเป็นสีของขนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนปกคลุมอยู่ โดยมากสีของขนจะเริ่มเห็นชัดที่ส่วนอก และลามไล่ลงไปถึงท้อง ซึ่งปล้องท้องจะเปลี่ยนสีทีละปล้องจากโคนไปถึงปลาย แต่แมลงปอบางชนิดอาจมีขนที่มีสีปกคลุมเพียงบางส่วนของท้องเท่านั้น ทำให้ชนิดเดียวกันและเพศเดียวกันมีหลายสี
 
เมื่อมีอายุมากขึ้น แมลงปอก็เหมือนกับสัตว์และมนุษย์ คือ มีความเชื่องช้าลง สังเกตได้จากการบินที่ช้าลง สีปีกที่เคยใสก็เริ่มขุ่นมัว และตามปีกมีรอยขาดแหว่งไม่มากก็น้อยตามอายุการใช้งาน  โดยทั่วไปแมลงปอตัวเต็มวัยจะมีอายุประมาณ 30-45 วัน ซึ่งมีอายุนานกว่าผีเสื้อที่มีอายุเฉลี่ยเพียงแค่ 7-15 วัน เท่านั้น เมื่อตายแล้ว สีก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสีแดงสดและสีม่วงสด ส่วนสีอื่นๆก็จะเริ่มหม่นหมองลง
 
 
 
 
แมลงปอ แมลงตัวห้ำที่มีประโยชน์ต่อการทำเกษตร
 
แมลงปอเป็นสัตว์ที่ดุร้ายอันตรายสำหรับโลกของแมลง แต่ไม่ได้มีพิษภัยใดๆ กับมนุษย์ กลับมีบทบาทที่สำคัญสำหรับมนุษย์ คือ แมลงปอจัดว่าเป็น“แมลงตัวห้ำ”(predator) กินเหยื่อที่เป็นแมลงทุกชนิดและทุกตัวที่อ่อนแอกว่า แมลงปอจัดว่าเป็นแมลงตัวห้ำที่ช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น แมลงหวี่ขาว ผีเสื้อหนอนกอ(ในระยะเป็นหนอน) ผีเสื้อหนอนกระทู้(ในระยะเป็นหนอน) ฯลฯ รวมทั้งช่วยกำจัดแมลงที่ชอบสร้างความรำคาญหรือนำโรคมาสู่คนและสัตว์เลี้ยง เช่น ยุง ริ้น แมลงหวี่ แมลงวัน แมลงเม่า ฯลฯ แม้แต่ในช่วงตัวอ่อน มันยังช่วยกินลูกน้ำยุงเป็นอาหาร จึงกล่าวได้ว่า “แมลงปอเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมแมลงศัตรูพืช โดยวิธีธรรมชาติหรือชีววิธี”
 
มีแมลงปอจำนวนมากนับสิบชนิดที่พบอยู่ในนาข้าว มันมีบทบาทที่สำคัญมากในการควบคุมแมลงศัตรูข้าว เช่นเดียวกับแมลงปอที่บินอยู่ในไร่ฝ้าย ถั่วและข้าวโพด และพืชไร่อื่นๆ แมลงปอบ้านหลายชนิด สามารถกินแมลงหวี่ขาวยาสูบได้มากกว่า 50 ตัวใน 1 ชั่วโมง ในเรือกสวนไร่นา ถ้าสังเกตุให้ดีเมื่อเราทำการเก็บเกี่ยวพืชไร่ เมื่อแมลงศัตรูพืชที่หลบซ่อนตัวอยู่บินออกมา มักจะพบเห็นเหล่าฝูงแมลงปอคอยบินโฉบไล่จับแมลงพวกนี้เป็นเหยื่อเต็มท้องฟ้า ยิ่งในท้องไร่ท้องนาที่มีการทำเกษตรแบบอินทรีย์ยิ่งพบฝูงแมลงปอเป็นจำนวนมาก มันเป็นการช่วยลดต้นทุนในการเกษตรอย่างดี และเพิ่มความปลอดภัยในการบริโภคพืชผัก เนื่องจากเกษตรกรไม่จำเป็นต้องหันไปพึ่งยาเคมีสำหรับปราบศัตรูพืชเลย
 
 
รวมรูปภาพเกี่ยวกับ แมลงปอ
 
 
 
 
 
ความสำคัญของเกษตรอินทรีย์
 
แนวความคิด ของการทำเกษตรอินทรีย์ แบบยั่งยืน
แล้วคำว่า "เกษตรอินทรีย์" มันคือการเกษตรอะไรกันแน่....
ความสำคัญเกี่ยวกับ การทำเกษตรที่เป็นเกษตรอินทรีย์ 100 เปอร์เซนต์
     
           
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พันธมิตรโฆษณา
 

 

 
 
 
 
     
 
 
    ติดต่อเวบมาสเตอร์ :    
 
 
             
สงวนลิขสิทธิ์โดย.....
ไร่พอใจ เกษตรอินทรีย์
 
ที่อยู่บริษัท.....
121 หมู่ 6 ต.กุดจอก อ.หนองมะโมง
จ.ชัยนาท 10270
 
เบอร์โทรศัพท์.....
093-0367910, 02-9933305
 
เบอร์แฟกซ์์.....
02-9933306    Line ID : raiporjai
 
 
 
อีเมล์ติดต่อ.....
sales@raiporjai.com
 
 
 
 
หัวข้อเมนูหลักในเวบไซต์.....
กลับหน้าหลัก
เกี่ยวกับไร่พอใจ
สินค้าจากไร่พอใจ
เรื่องราวที่ไร่พอใจ
มุมสมาชิก
ติดต่อเวบไซต์
 
 
เมนูอื่นๆ ในเวบไซต์.....
สมัครสมาชิก
สมาชิกล็อกอิน
แจ้งชำระเงินค่าสินค้า
สมาชิกลืมรหัสผ่าน