0 รายการ 0 บาท
สมัครสมาชิกฟรี ล็อกอินใช้งาน นโยบาบเวบไซต์  
 
 
  หน้าหลัก     เกี่ยวกับไร่พอใจ     สินค้าจากไร่พอใจ     เรื่องราวที่ไร่พอใจ     ติดต่อไร่พอใจ
ค้นหาเรื่องราว :
 
สมัครอีเมล์รับข่าวสารต่างๆ จากไร่พอใจ
 
 
 
 
พอเพียง ไม่ใช่อัตคัดขัดสน เป็นการพออยู่พอกิน เหลือแจกจ่ายขาย แล้วจึงขยายเพิ่มได้
 
 
     
 
     
 
ถั่วเขียว ปุ๋ยพืชสด พืชขนมสร้างเส้น
ธัญพืชตระกูลถั่ว มากคุณค่าอาหาร
เรื่องและเรียบเรียงโดย ตุ๊แสนฤทธิ์
 
 
 
ถั่วเขียวเป็นพืชที่ปลูกได้ยากในระบบเกษตรกรรมธรรมชาติ เมล็ดถั่วเขียวในปัจจุบันส่วนใหญ่ จะปลูกในระบบเคมี ถึงแม้ถั่วเขียวจะเป็นพืชอายุสั้น แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ ก็มีการใช้เคมีฉีดพ่นกันอย่างหนัก นับวันจะหาถั่วเขียวที่ปลอดภัยกินได้ยาก
 
 
 
ที่ไร่พอใจ เรามีการปลูกถั่วเขียวแบบธรรมชาติ ไม่มีการใช้ปุ๋ยและยาเคมีใดๆ ทำการฉีดพ่น อาศัยเพียงจุลินทรีย์สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า ไรโซเบียม เพื่อช่วยสร้างอาหารให้กับต้นถั่ว ไม่จำเป็นต้องฉีดพ่นสารเคมีกำจัดแมลงใดๆ อาศัยเพียงความสมดุลของธรรมชาติ ก่อเกิดการควบคุมกันเองของแมลงดีกับแมลงร้าย ก็สามารถได้ถั่วเขียวที่มีคุณภาพและสารอาหารครบถ้วน
 
 
 
 
ลักษณะทั่วไป ของถั่วเขียว

ถั่วเขียวเป็นพืชที่เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย และในเอเซียกลาง โดยได้ค้นพบหลักฐานว่ามีการปลูกมากว่า 4,000 ปีที่แล้ว ในแคว้นมัธยของอินเดีย และยังปลูกแพร่หลายใน พม่า ไทย ศรีลังกา ปากีสถาน อิหร่าน จีน และภาคตะวันออกของโซเวียต

 
 
 
ถั่วเขียวเป็นพืชล้มลุก ปลูกได้ทั้งปี คือต้นฤดูฝน กลางฤดูฝน และต้นฤดูหนาวหลังเก็บเกียวพืชหลัก เป็นพืชอายุสั้นประมาณ 65-90 วัน ใช้น้ำน้อย ทนแล้ง มีลำต้นตั้งตรงเป็นพุ่ม บางสายพันธุ์เลื้อยและกึ่งเลื้อย ความสูงประมาณ 30-150 เซนติเมตรขึ้นอยู่กับสายพันธุ์นั้น ลำต้นแตกแขนงที่บริเวณโคนและส่วนกลาง แต่จะไม่แตกแขนงที่ข้อใบเลี้ยงและข้อใบจริงคู่แรก ลำต้นค่อนข้างเป็นเหลี่ยม มีขนอ่อนปกคลุมอยู่ทั่วไป
 
 
 
 
รากถั่วเขียวเป็นระบบรากแก้ว และมีรากแขนงซึ่งเจริญแตกออกมาจากรากแก้ว รากแก้วมักจะยั่งลึก ทำให้ถั่วเขียวเจริญเติบโตได้รวดเร็วในดินที่มีเพียงความชื้น บริเวณรากจะพบปมของเชื้อไรโซเบียม ทำหน้าที่ช่วยตรึงไนโตเจนมาเป็นอาหารให้กับต้นถั่ว การปลูกถั่วเขียวจึงนิยมคลุกด้วยเชื้อไรโซเบียมเพื่อเพิ่มผลผลิตของถั่วเขียว
 
 
 
 
ถั่วเขียวมีใบคู่แรกเป็นใบเดี่ยวเกิดอยู่ตรงกันข้ามกัน ถัดขึ้นไปเป็นใบจริง ประกอบด้วยใบย่อย 3 ใบเกิดสลับอยู่บนลำต้น ก้านใบย่อยจะสั้น ลักษณะของรูปใบคล้ายรูปไข่ถึงรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด มีขนาด 5-18 x 4-15 เซนติเมตร บนใบจะมีขนขึ้นอยู่ทั่วไป
 
 
 
 
ถั่วเขียวจะออกดอกเป็นช่อ แต่ละช่อออกดอกที่มุมใบที่อยู่ตอนบนของลำต้น และที่ปลายยอดของลำต้น ก้านช่อดอกยาวประมาณ 2-20 เซนติเมตร มีดอกย่อยในช่ออยู่อย่างหนาแน่น ในช่อหนึ่งๆ จะมีดอกย่อยอยู่ประมาณ 2-20 ดอก สีกลีบดอกมีหลายสี เช่น สีเหลือง สีขาว สีม่วง มีกลีบดอก 5 กลีบ ประกอบด้วยกลีบใหญ่ 1 กลีบ กลีบข้าง 2 กลีบ กลีบหุ้มเกสร 2 กลีบ เกสรตัวเมียมีลักษณะยาวรี โดยรังไข่หนึ่งๆ จะมีไข่ (ovule) อยู่ประมาณ 10-15 หน่วย และมีเกสรตัวผู้อยู่ประมาณ 10 ก้าน
 
 
 
 
ลักษณะฝักถั่วเขียวมีรูปร่างกลมยาว เปลือกนอกสีเขียว ปลายฝักโค้งงอเล็กน้อย ฝักจะยาวประมาณ 15 เซนติเมตร เมื่อฝักแก่จะเปลี่ยนเป็นสีขาวนวล สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของถั่วเขียว เมล็ดจะมีตาหรือรอยแผลอยู่ทางด้านเว้าซึ่งมีสีขาว และมีเยื้อหุ้มเมล็ดหลายสี เช่น เขียว เหลือง น้ำตาล หรือแดง ส่วนผิวของเมล็ดอาจจะมันหรือด้าน แต่ละฝักจะมีเมล็ดประมาณ 10-15 เมล็ด โดย 100 เมล็ดจะให้น้ำหนักประมาณ 2-8 กรัมขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
 
 
 
 
สายพันธุ์ถั่วเขียว ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก

ถั่วเขียวที่ปลูกในไทยจะมีอยู่หลายสายพันธุ์ ถ้าแบ่งตามลักษณะของเปลือกเมล็ดถั่วเขียวจะแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิดคือ

1. ถั่วเขียวผิวมัน เป็นถั่วเขียวที่มีเมล็ดเป็นสีเขียวมันวาว ฝักเมื่อแก่จะมี 2 สีตามสายพันธุ์ เช่น พันธุ์อูทอง 1 ฝักสีดำ และพันธุ์พื้นเมืองฝักขาว ฝักมีสีขาวนวล
2. ถั่วเขียวผิวด้านหรือถั่วเขียวธรรมดา เมล็ดมีสีเขียวไม่มีวาว มีลักษณะเมล็ดด้าน
3. ถั่วเขียวสีทอง มีลักษณะคล้ายถั่วเขียวผิวมันและถั่วเขียวผิวด้าน แต่เมล็ดจะมีสีเขียวอมเหลือง มีทั้งเมล็ดด้านและเมล็ดมันวาว
4. ถั่วเขียวผิวดำ มีลักษณะคล้ายถั่วเขียวผิวด้าน แต่ลักษณะต้นมีทรงพุ่มที่ใหญ่ และแตกกิ่งก้านมากกว่า บางพันธุ์อาจจะมีลักษณะลำต้นเลื้อยพันกัน ใบหนา ลำต้นมีขนปกคลุม ก้านใบและเปลือกฝักหนา ดอกมีสีเขียวและเหลือง ฝักป้อมสั้นกว่า เมล็ดมีสีดำปานกลาง อายุเก็บเกี่ยว 80-90 วัน เช่น ถั่วเขียวพันธุ์ชัยนาท 80, ถั่วเขียวพิษณุโลก 2
   
 
 
การวิจัยสายพันธุ์ถั่วเขียว ให้ทนต่อโรคแมลง ทนแล้ง และให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น มีหลายๆ องค์กรทำหน้าที่รับผิดชอบอยู่ เช่น มหาลัยเกษตรศาสตร์, กรมวิชาการเทคโนโลยีเกษตร, ศูนย์วิจัยพืชไร่ชับนาท, ศูนย์วิจัยพืชผักแห่งเอเซีย (AVRDC) โดยส่วนใหญ่สายพันธุ์ใหม่ๆ ของถั่วเขียวจะเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์หรือสายรังสีให้กับเมล็ด เช่น ถั่วเขียวสายพันธุ์ชัยนาท 36 เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ Pagasa 1 กับพันธุ์ PHLV 18 ที่ประเทศไต้หวัน ถั่วเขียวสายพันธุ์ชัยนาท 72 เกิดจากการสายรังสีแกมม่า ให้เมล็ดถั่วเขียวพันธุ์กำแพงแสน 2
 
 
 
 
สำหรับชื่อสายพันธุ์ถั่วเขียวที่เกษตรกรนิยมปลูกในปัจจุบัน ได้แก่ อู่ทอง 2, กำแพงแสน 1, กำแพงแสน 2, ชัยนาท 72, ชัยนาท 84-1 และพันธุ์ KUML เป็นต้น โดยแต่ละสายพันธุ์จะมีลำต้น ใบ ดอก ฝัก อายุเก็บเกี่ยว และผลผลิตแตกต่างกันไปตามลักษณะสายพันธุ์นั้นๆ ดูรายละเอียดได้จากตารางข้างล่างนี้
 
 
  พันธุ์ถั่วเขียว ความสูงของต้น อายุเก็บเกี่ยว ผลผลิต/ไร่  
  อู่ทอง 1 63.6 เซ็นติเมตร 65-70 วัน 150-200 กิโลกรัม  
  อู่ทอง 2 100 เซ็นติเมตร 70 วัน 180 กิโลกรัม  
  กำแพงแสน 1 53 เซ็นติเมตร 65-70 วัน 201 กิโลกรัม  
  กำแพงแสน 2 50 เซ็นติเมตร 65-75 วัน 194 กิโลกรัม  
  ชัยนาท 36 51 เซ็นติเมตร 67 วัน 216 กิโลกรัม  
  ชัยนาท 60 50.5 เซ็นติเมตร 55 วัน 175 กิโลกรัม  
  ชัยนาท 72 66 เซ็นติเมตร 63 วัน 212 กิโลกรัม  
  ชัยนาท 84-1 63 เซ็นติเมตร 65 วัน 226 กิโลกรัม  
  พิษณุโลก 2 57 เซ็นติเมตร 77 วัน 190 กิโลกรัม  
  มอ.1 55 เซ็นติเมตร 82 วัน 254 กิโลกรัม  
  KUML 70-75 เซ็นติเมตร 65 วัน 300 กิโลกรัม  
           
 
 
 
 
ปลูกถั่วเขียว สำหรับเป็นพืชคลุมดินและปุ๋ยพืชสด

ถั่วเขียวเป็นพืชวงศ์ตระกูลถั่ว มีลักษณะรากเป็นปม สามารถตรึงไนโตเจนได้ดีโดยอาศัยเชื้อไรโซเบียม ดังนั้นเมื่อทำการหว่านเมล็ดถั่ว จึงควรคลุกด้วยเชื้อไรโซเบียมก่อน เพื่อให้ต้นถั่วเจริญเติบโตได้รวดเร็ว แย่งอาหารจากหญ้าวัชพืชได้เก่ง

 
 
 
 
อัตราในการหว่านเมล็ดสำหรับคลุมดินและเป็นปุ๋ยพืชสด จะใช้ประมาณ 6-10 กิโลกรัมต่อไร่ ถั่วเขียวเป็นพืชที่มีรากแก้วยาวยั่งได้ลึกลงดิน จึงทนต่อแล้ง และทำให้ดินร่วนซุย แย่งอาหารแข่งกับหญ้าวัชพืชได้ดี เมื่อถั่วเขียวโตเต็มที่จะบดบังพื้นที่แปลงจนทำให้หญ้าวัชพืชไม่สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาได้ ทำให้ดินชุ่มชื้น เมื่อถั่วเขียวเริ่มออกดอก ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นถั่วเขียวกักเก็บสารอาหารไว้เป็นจำนวนมาก จึงทำการไถกลบ เพื่อให้ต้นถั่วเน่าเป็นปุ๋ยในดิน ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยใดๆ เพิ่มอีกเมื่อทำการปลูกพืชหลักในฤดูกาลถัดไป
 
 
 
 
การปลูกถั่วเขียว เพื่อบริโภค

ถั่วเขียวเป็นพืชวงศ์ตระกูลถั่ว มีลักษณะรากเป็นปม สามารถตรึงไนโตเจนได้ดีโดยอาศัยเชื้อไรโซเบียม ดังนั้นเมื่อทำการหว่านเมล็ดถั่ว จึงควรคลุกด้วยเชื้อไรโซเบียมก่อน เพื่อให้ต้นถั่วเจริญเติบโตได้รวดเร็ว แย่งอาหารจากหญ้าวัชพืชได้เก่ง

 
 
 
 
สารอาหารสำคัญ ในเมล็ดถั่วเขียว

เมล็ดถั่วเขียวเป็นพืชอาหารที่ดีต่อสุขภาพ สามารถนำไปแปรรูปทำอาหารได้หลากหลาย สารอาหารที่มีมากที่สุดในเมล็ดถั่วคือ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีอยู่มากถึง 60-65 เปอร์เซนต์ มีโปรตีนร้อยละ 23 ซึ่งมีกรดไนไลซีนที่สูง มีไขมันต่ำมากเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ตารางข้างล่างแสดงให้เห็นถึงปริมาณธาตุอาหารต่างๆ ในเมล็ดถั่วเขียวดิบ 100 กรัม

 
 
  ธาตุอาหาร ปริมาณ ธาตุอาหาร ปริมาณ  
  พลังงาน 347 กิโลแคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 62.62 กรัม  
  น้ำตาล 6.6 กรัม เส้นไย 16.3 กรัม  
  ไขมัน 1.15 กรัม โปรตีน 23.86 กรัม  
  วิตามินบี 1 0.621 มิลลิกรัม 54% วิตามินบี 2 0.233 มิลลิกรัม 19%  
  วิตามินบี 3 2.251 มิลลิกรัม 15% วิตามินบี 5 1.91 มิลลิกรัม 38%  
  วิตามินบี 6 0.382 มิลลิกรัม 29% วิตามินบี 9 625 ไมโครกรัม 156%  
  วิตามินซี 4.8 มิลลิกรัม 6% วิตามินอี 0.51 มิลลิกรัม 3%  
  วิตามินเค 9 ไมโครกรัม 9% แคลเซียม 132 มิลลิกรัม 13%  
  เหล็ก 6.70 มิลลิกรัม52% แมกนีเซียม 189 มิลลิกรัม 53%  
  แมงกานีส 1.035 มิลลิกรัม 49% ฟอสฟอรัส 367 มิลลิกรัม 52%  
  โพแตสเซียม 1.246 มิลลิกรัม 27% สังกะสี 2.68 มิลลิกรัม 28%  
           
 
 
 
 
เมล็ดถั่วเขียว พืชสร้างแป้งคาร์โบไฮเดรตสูง

ในเมล็ดถั่วเขียวจะมีธาตุคาร์โบไฮเดรตมากที่สุดถึง 60-65 เปอร์เซนต์ จึงมีการนำเมล็ดถั่วเขียวไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเป็นจำนวนมาก ทั้งการผลิตแป้งถัวเขียว เส้นก๋วยเตี๋ยวและผลิตวุ่นเส้น โดยเฉพาะวุ่นเส้นจะผลิตมาจากแป้งถั่วเขียวทั้งสิ้น เนื่องจากเมื่อนำแป้งถั่วเขียวไปผลิตเป็นวุ่นเส้น จะให้ค่า Glycemic Index ที่ต่ำ เมื่อรับประทานวุ่นเส้นเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เป็นผลดีต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน และยังช่วยลดคอเลสเตอรอล รวมทั้งไขมันกลีเซอร์ไรด์ ในเลือดของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี

 
 
 
 
เมล็ดถั่วเขียว พืชสร้างอาหารคาวหวานคู่คนไทยมายาวนาน

นอกจากจะนำเมล็ดถั่วเขียวไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารแล้ว เมล็ดถั่วเขียวยังเป็นวัตถุดิบยอดนิยมของคนไทยสำหรับนำมาทำอาหารทั้งคาวหวานได้มากมาย เช่น ถั่วเขียวต้มน้ำตาล, ถั่วกวน, เต้าส่วน, ถั่วแปบ, ถั่วเขียวซีกอบเกลือ, เม็ดขนุน, ขนมเทียน และที่มีการบริโภคกันมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นถั่วเขียวเพาะงอกหรือถั่วงอก ซึ่งมักจะพบปะปนอยู่ในอาหารอื่นอีกมากมาย เช่น ก๋วยเตี๋ยว, ผัดไทย, หอยทอด ฯลฯ

 
 
 
 
สรรพคุณทางยา ของเมล็ดถั่วเขียว

คุณประโยชน์ทางยาของถั่วเขียวนับว่ามีอยู่มากมาย เช่น ช่วยแก้ร้อนใน ลดการกระหายน้ำ ขับปัสสาวะ แก้เจ็บคอ แก้ตาแดง ตาพร้า ตาอักเสบ แก้อาเจียน รักษาเลือดออกตามไรฟัน อาการท้องผูกที่เกิดจากการนอนดึก และอีกมากมาย ได้แก่

 
  1. มีธาตุโพแทสเซียมช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรง
  2. ถั่วเขียวมีสารต้านเอนไซม์โปรตีเอสในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง
  3. ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด
  4. ถั่วเขียวอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยผลิตโปรตีน และการหดตัวของกล้ามเนื้อ
  5. ช่วยลดความดันโลหิต
  6. ช่วยทำให้เจริญอาหาร
  7. ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำหนักได้ เพราะถั่วเขียวมีส่วนประกอบของไขมันที่ต่ำมาก ไม่มีคอเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนกับเส้นใยอาหาร
  8. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
  9. ถั่วเขียวมีฤทธิ์เย็น ออกฤทธิ์ตามเส้นลมปราณของหัวใจและม้าม
  10. ถั่วเขียวอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย
  11. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเบาหวานได้
  12. ถั่วเขียวอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังช่วยป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย
  13. ช่วยขับร้อน แก้อาการร้อนใน และช่วยแก้พิษในฤดูร้อน
  14. ถั่วเขียวมีประโยชน์ต่อลำคอและผิวหนัง และยังช่วยแก้อาการกระหายน้ำได้อีกด้วย
  15. เมล็ดถั่วเขียวนำมาต้มกับเกลือ ใช้อมเพื่อรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้
  16. ช่วยถอนพิษในร่างกาย
  17. ช่วยกระตุ้นประสาท ถั่วเขียวเป็นแหล่งสำคัญของธาตุโบรอน (Boron) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกระแสประสาทของสมอง ช่วยทำให้สมองทำงานได้ฉับไวมากขึ้น และยังอุดมไปด้วยฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาทและสมอง
  18. ช่วยบำรุงสายตา ทำให้ตาสว่าง และรักษาตาอักเสบ (เปลือกสีเขียว) ช่วยแก้อาการตาพร่า ตาอักเสบ ด้วยการรับประทานถั่วเขียวต้มครั้งละ 15-20 กรัมเป็นประจำ
  19. ช่วยรักษาคางทูมที่เป็นใหม่ ๆ ด้วยการต้มถั่วเขียว 70 กรัมจนใกล้สุก แล้วใส่แกนกะหล่ำปลีลงไป ต้มอีก 15 นาที กินเฉพาะน้ำวันละ 2 ครั้ง
  20. ช่วยแก้อาการอาเจียนจากการดื่มเหล้า ด้วยการดื่มน้ำถั่วเขียวพอประมาณ
  21. ช่วยขับของเหลวในร่างกาย
  22. ในถั่วเขียวอุดมไปด้วยเส้นใยที่สามารถละลายน้ำได้ดี จึงช่วยในขบวนการทำความสะอาดของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ
  23. ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 ที่ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอกได้
  24. ถั่วเขียวมีเส้นใยอาหารสูงจึงช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และยังส่งผลดีต่อระบบลำไส้โดยรวมอีกด้วย
  25. เมล็ดถั่วเขียวนำมาต้มแล้วกิน ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
  26. ช่วยแก้ลำไส้อักเสบ
  27. ช่วยบำรุงตับ
  28. ช่วยแก้อาการไตอักเสบ
  29. ช่วยแก้ผดผื่นคัน
  30. ช่วยลดอาการบวม
  31. ช่วยรักษาโรคข้อต่าง ๆ แก้อาการขัดข้อ
  32. ช่วยรักษาฝี ด้วยการใช้ถั่วเขียวดิบหรือต้มสุกนำมาใช้ตำแล้วพอกเป็นยารักษาภายนอก ช่วยในการบ่มหนองให้ฝีสุก และยังใช้รักษาอาการอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น แก้ท้องร่วง การคลอดบุตรยาก และโรคท้องมาน
  33. นำมาใช้ตำพอกแผล
  34. ช่วยแก้พิษจากพืช พิษจากสารหนู และพิษอื่น ๆ
  35. ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 ที่ช่วยในการป้องกันโรคเหน็บชาได้เป็นอย่างดี
  36. ถั่วเขียวอุดมไปด้วยโฟเลตสูง ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะช่วยป้องกันการพิการแต่กำเนิดของทารกได้
 
     
 
 
 
การนำถั่วเขียว ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ

ถั่วเขียวนับว่าเป็นพืชเศรษกิจที่สำคัญ นำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย ทั้งทางด้านอาหาร สรรพคุณทางยา ใช้เป็นปุ๋ยบำรุงดินในการเกษตรกรรม และใช้เป็นเครื่องสำอางค์บำรุงผิวพรรณ พอสรุปประโยชน์ต่างๆ ของเมล็ดถั่วเขียวได้ดังนี้

 
  1. ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยรักษาและสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและยังช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะอีกด้วย
  2. สำหรับผู้ที่เป็นสิวฝ้าเนื่องจากความร้อนในร่างกาย ให้รับประทานถั่วเขียวต้มน้ำตาล 1 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยป้องกันการเกิดสิวและทำให้สิวลดลงได้ เนื่องจากถั่วเขียวมีฤทธิ์เย็น ช่วยตับขับสารพิษกับความร้อนออกจากร่างกายได้
  3. ถั่วเขียวดิบเป็นแหล่งของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตชั้นยอด สามารถนำมาต้มกับน้ำตาลเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย และทำให้อิ่มท้องได้นานยิ่งขึ้น
  4. ถั่วเขียวมีโปรตีนสูงเมื่อเทียบกับถั่วเมล็ดแห้งชนิดอื่น ๆ และยังเป็นโปรตีนที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ ซึ่งโปรตีนที่ได้จากพืชจะช่วยหลีกเลี่ยงการได้รับไขมันที่เกินความจำเป็นจากโปรตีนของเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย
  5. โปรตีนจากถั่วเขียวมีคุณสมบัติที่ย่อยง่ายและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเกือบทั้งหมด
  6. ถั่วเขียวสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วน โดยเมล็ดใช้เป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ ส่วนลำต้นและเปลือกที่เหลือ สามารถนำมาไถกลบลงดิน เพื่อช่วยบำรุงดินให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เนื่องจากมีชีวมวล (Biomass) สูง
  7. ต้นถั่วเขียวที่เก็บฝักแล้ว สามารถนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้เป็นอย่างดี แถมยังมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าหญ้าอีกด้วย
  8. ถั่วเขียวสามารถนำมาแปรรูปและใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เช่น การนำมาใช้เพาะถั่วงอก หรือใช้ทำแป้งถั่วเขียว ทำวุ้นเส้น ทำซาหริ่ม หรือทำเป็นขนมต่าง ๆ เช่น ถั่วกวน เต้าส่วน เม็ดขนุน ถั่วแปบ ขนมลูกเต๋า ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ทำข้าวเกรียบ ขนมครองแครง ขนมหันตรา ขนมลูกชุบ ขนมเทียนแก้ว ขนมเปียก ขนมกง ฯลฯ และฝักถั่วเขียวที่เกือบแก่ ยังนำมาใช้ต้มกับเกลือใช้กินเมล็ดได้เช่นเดียวกับถั่วแระ
  9. กากถั่วเขียวเหลือจากโรงงานวุ้นเส้นสามารถนำมาใช้ทำเป็นอาหารสัตว์หรือใช้ทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้
  10. วุ้นเส้นที่ผลิตมาจากถั่วเขียวมีคุณสมบัติการตอบสนองต่อน้ำตาลในเลือดต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารคาร์โบไฮเดรตอื่น ๆ อย่างเช่น ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว หรือเส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว มันจึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
  11. ถั่วเขียวยังสามารถนำมาใช้ในด้านความงามได้อีกด้วย โดยทำเป็นสครับถั่วเขียว สูตรทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น โดยไม่ทำลายผิวพรรณ เพราะมีค่า pH เท่ากับผิวกาย และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งกลิ่นจากถั่วเขียวยังช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย วิธีการทำสครับก็คือให้นำถั่วเขียวที่ยังไม่ต้มมาบดพอให้หยาบ ผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อยหรือน้ำผึ้งก็ได้ แล้วนำมาพอกที่ใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วจึงล้างออก
  12. ถั่วเขียวกับสูตรลดเลือนจุดด่างดำ หรือรอยแผลสิว รวมไปถึงรอยแผลที่เกิดจากผื่นคันตามร่างกาย ด้วยการใช้ถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ, มันฝรั่ง 1 หัว, และน้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา ขั้นแรกก็ให้นำถั่วเขียวและมันฝรั่งมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปต้มจนสุก จากนั้นให้นำถั่วเขียวและเนื้อมันฝรั่งมาบดรวมกันแล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปผสมจนเข้ากัน เสร็จแล้วนำมาใช้ขัดผิวบริเวณที่จุดด่างดำ โดยใช้เวลาขัดอย่างน้อย 5 นาทีแล้วล้างออก
  13. ถั่วเขียวยังถูกนำมาใช้ในการพอกหน้า ขัดหน้า และขัดตัว เพื่อช่วยบำรุงผิวพรรณ ดูดซับไขมัน ช่วยลดสิว ป้องกันการเกิดสิว และช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าเต่งตึง
 
     
 
 
 
สารสกัดจาก เมล็ดถั่วเขียว

ปัจจุบันมีการสกัดสารสำคัญในถั่วเขียวมาใช้ประโยชน์ ทั้งทางด้านการแพทย์และเครื่องสำอางค์บำรุงผิว สารสำคัญนั้นคือไอโซฟลาโวน ซึ่งนำมาเป็นยารักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ ลดอาการข้างเคียงของสตรีวัยหมดประจำเดือน เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ลดอาการวูบวาบในสตรี ลดคอเลสเตอลอลในเลือด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชลอวัย ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายวิตามินอี โดยมีการนำไปใช้ผสมในเครื่องสำอางค์บำรุงผิวพรรณสำหรับสตรี

 
 
 
 
ที่ไร่พอใจมีการปลูกถั่วเขียวเพื่อเป็นพืชบำรุงดิน ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับใช้ปลูกพืชโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยใดๆ บำรุงดินอีก ที่สำคัญยังได้เมล็ดถั่วเขียวมาปรุงอาหารได้หลายอย่าง วิธีการปลูกถั่วเขียวที่นี้จะเน้นแนวทางกสิกรรมธรรมชาติ โดยพึ่งพิงธรรมชาติและความสมดุล การบำรุงปรับปรุงดินเป็นสิ่งสำคัญ เราอาศัยเชื้อจุลินทรีย์ตัวเล็กที่เรียกชื่อว่า ไรโซเบียม มาคลุกเคล้ากับเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวก่อนปลูก เพื่อเป็นตัวช่วยตรึงธาตุในโตเจนที่รากของถั่วเขียว ทำให้ถั่วเขียวเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องพึงพิงปุ๋ยสารเคมีใดๆ เมล็ดถั่วเขียวที่ได้จึงปลอดภัยพร้อมคุณค่าธาตุอาหารจากธรรมชาติ
 
 
รวมรูป ถั่วเขียว ปุ๋ยพืชสด พืชขนมสร้างเส้น ธัญพืชตระกูลถั่ว มากคุณค่าอาหาร
 
 
 
 
 
 
 
ความสำคัญของเกษตรอินทรีย์
 
แนวความคิด ของการทำเกษตรอินทรีย์ แบบยั่งยืน
แล้วคำว่า "เกษตรอินทรีย์" มันคือการเกษตรอะไรกันแน่....
ความสำคัญเกี่ยวกับ การทำเกษตรที่เป็นเกษตรอินทรีย์ 100 เปอร์เซนต์
     
           
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
  ถั่วเขียว ธรรมชาติ 100%  
  เมล็ดถั่วเขียว ปลูกแบบเกษตรกรรมธรรมชาติ อาศัยเพียงเชื้อจุลินทรีย์สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า “ไรโซเบียม” เพื่อช่วยสร้างธาตุอาหารให้กับต้นถั่วเขียว พึ่งพิงความสมดุลของธรรมชาติเพื่อควบคุมการทำลายของแมลง จึงมั่นใจได้ว่าเมล็ดถั่วเขียว จากไร่พอใจเป็นเมล็ดถั่วที่ปลอดภัย ได้สารอาหารจากธรรมชาติอย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับนำไปเพาะถั่วงอก ต้มใส่นำ้ตาล ทำขนม ฯลฯ  
     
 
ขนาดบรรจุ : 500 กรัม
 
 
ราคา : 50 บาท
 
 
ราคาพิเศษ : 45 บาท
 
     
 
 
     
 
 
 
พันธมิตรโฆษณา
 

 

 
 
 
 
     
 
 
    ติดต่อเวบมาสเตอร์ :    
 
 
             
สงวนลิขสิทธิ์โดย.....
ไร่พอใจ เกษตรกรรมธรรมชาติ
 
ที่อยู่บริษัท.....
121 หมู่ 6 ต.กุดจอก อ.หนองมะโมง
จ.ชัยนาท 10270
 
เบอร์โทรศัพท์.....
093-0367910, 02-9933305
 
เบอร์แฟกซ์์.....
02-9933306    Line ID : raiporjai
 
 
 
อีเมล์ติดต่อ.....
sales@raiporjai.com
 
 
 
 
หัวข้อเมนูหลักในเวบไซต์.....
กลับหน้าหลัก
เกี่ยวกับไร่พอใจ
สินค้าจากไร่พอใจ
เรื่องราวที่ไร่พอใจ
มุมสมาชิก
ติดต่อเวบไซต์
 
 
เมนูอื่นๆ ในเวบไซต์.....
สมัครสมาชิก
สมาชิกล็อกอิน
แจ้งชำระเงินค่าสินค้า
สมาชิกลืมรหัสผ่าน